Tuesday, September 18, 2012

เที่ยวโฮจิมินห์ นอกรอบ 1

                หลังจากเที่ยวพนมเปญนอกรอบแล้ว เราข้ามเรือไป โฮจิมินห์ เวียดนาม ที่จังหวัด"สวายเรียง" ท่าเรือข้ามฟากเนียะก์เลือง เป็นจุดที่ต้องขึ้นแพ(เฟอร์รี่)นำรถข้ามน้ำโขง บริเวณนี้มีพ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรจำนวนมาก รวมทั้งขอทานทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ขอเตือนเลยค่ะ อย่าเผลอใจบุญสุนทานเชียวล๊ะ เพราะหากให้ใครคนหนึ่งก็จะเข้ามารุมอย่างมาก





ถ้าให้ผลจะเป็นอย่างนี้  แกล้งใจดำสักนิดนึง



เรือเฟอร์รี่กำลังพาผู้โดยสารอีกฟากข้ามแม่น้ำส่งและรับผู้คนจากอีกฝั่ง 



เมื่อข้ามฝากมาเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จัดการเรื่อง พาสปอร์ตขาออก 
จากพนมเปญด่าน BavetMok Bai ก่อนค่ะ




ถ้าทำเรื่องขาเข้า เวียดนาม ให้รีบเร่งหน่อยค่ะ เพราะคนจะเยอะมาก




  ถึงแล้ว เวียดนาม ไปตะลุยกันพร้อมๆ เลยจ๊าาา
เดินทางเข้าสู่ กรุงโฮจิมินห์ อีก 70 กม. ค่ะ




นี่คือที่พักของเราค่ะ 
เวียดนาม สกุลเงิน คือ ด๊อง ค่ะ

ส่วนเงินตราก็คิดง่ายๆค่ะ เช่น 20000 Dong ตัดเลข 0 ออก 3 ตัว แล้ว คูณ ด้วย 2 ก็จะเท่าเงินไทย 40 บ.
ถ้าจะแลกเงินดอล์ล่าเป็นเงินด๊อง เช่น $50 คูณด้วย 670จะเป็น 33,500ด๊อง หรือ 670 บาท





อาหารมื้อแรกใน เวียดนาม Phở หรือ เฝ่อ
ถึงเวียดนามก็เย็นๆแล้ว อารมณ์ทุกคน หิวเจียนไส้จะขาด เดินลัดเลาะตามถนนหน้าโรงแรม ผ่านหลายร้านมาก จนมาเจอร้านก๋วยเตี๋ยว เขียนว่า Phở  ตอนแรกอ่าน โฟ ฮ่าๆๆๆ เป็นอาหารยอดนิยมอีกอย่างค่ะ  เดินเข้าไปสั่ง แต่เขาฟังภาษาอังกฤษและพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เอาแล๊ว แล๊วว หิวก็หิว จนอาจารย์มาสั่งให้ สรุป เฝ่อไก่ ที่แนะแนำเลยคือ พริกไทยป่น กลิ่นจะหอม ไม่เผ็ดมาก แต่เป็นส่วนผสมลงตัวเลยทีเดียว เมื่อกินกับน้ำซุป ร๊อน ร้อน โลงคอแท้เหลา รับรองไม่ผิดหวัง ราคาชามละ 40 บ. จ๊าาา  คนเวียดนามกินผงชูรสกันดุเดือดมาก เราจำเป็นต้องรู้คำนี้


หลังจากกินกันอิ่มหน่ำสำราญ ก็พักผ่อนอัธยาศัย เพื่อเก็บแรงไปเดินตามรอย กันที่ "อุโมงค์กู๋จี" อันเลื่องชื่อ พรุ่งนี้.........

สวัสดียามเช้าในอีกวันหนึ่งค่ะ ด้วยดอกดาวกระจายในสวนของโรงแรม






                      เราเตรียมตัวออกเดินทางไปยัง "อุโมงค์กู๋จี"  กันตั้งแต่เช้า ระหว่างทางก็เพิ่มพลังหน่อยจ๊าา







อย่างแรกเป็นข้าวเหนียว สอดไส้ถั่วเหลืองบด โรยหน้าด้วย งา


















อย่างที่ 2 เป็นขนมปังฝรั่งเศส สอดใส่ หมูยอ











กูจี๋ อยู่ในอำเภอ Cu Chi  ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองโฮจิมินห์ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 70 กม. อุโมงค์แห่งนี้เป็นอุโมงค์ที่มีความสลับซับซ้อนมากและมีความยาวถึง 200 กม.เชียวค่ะ ส่วนทางเดินภายในอุโมงค์นั้นถึงแม้ว่าจะมีความกว้างสูงไม่ถึง 1 เมตรเท่านั้น แต่เมื่อเดินลึกลงไปตามทางแคบๆ ก็จะพบกับอาณาจักรขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ผืนดินธรรมดาๆ แห่งนี้
ขอเกริ่นถึง "อุโมงค์กู๋จี" ก่อนค่ะ


อุโมงค์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่หลบภัยตั้งแต่สมัยเกิดสงครามเดียนเบียนฟูและในเวลาต่อมายังถูกใช้เป็นกองบัญชาการรบเมื่อคราวเกิดสงครามกับทหารอเมริกันอีกด้วย ซึ่งภายในอุโมงค์แห่งนี้นั้นก็มีทั้งห้องประชุม ห้องนอน โรงเรียน โรงพยาบาล แม้กระทั่งเวลาจะทำอาหารก็ยังมีห้องครัวแยกเอาไว้ให้เป็นสัดส่วนอีกต่างหาก

ที่สำคัญอาณาจักรใต้ดินทั้งหมดที่ว่ามานั้นหนุ่มสาวชาวเวียดนามเขาสร้างขึ้นมาด้วย 2 มือและน้ำพักน้ำแรงของเขาเอง ส่วนเครื่องทุ่นแรงที่พอจะหาได้ก็มีเพียงแค่จอบ เสียม แล้วก็บุ้งกี๋ แถมบางทีก็เป็นช้อน เรียกว่าอะไรที่อยู่ใกล้ตัวก็เอามาใช้ประโยชน์ได้หมด และด้วยอุปกรณ์เพียงแค่นี้พวกเขาสามารถสร้างอาณาจักรใต้ดินที่ยิ่งใหญ่แถมยังทำให้ทหารอเมริกันในขณะนั้นปั่นป่วนและเสียกำลังพลไปมิใช่น้อย.. น่าทึ่งมั้ยล่ะคะ




ท้ายที่สุด... ทางกองทัพอเมริกันจึงใช้วิธีทำ "ฝนเหลือง" มาโปรยลงในป่าเพื่อกำจัดต้นไม้ให้โล่งเตียน แล้วต่อด้วยการทำ “ยุทธการปอกเปลือกโลก” ทิ้งระเบิด "นาปาล์ม" ลงมาเพื่อทำลายอุโมงค์กู๋จี แต่สุดท้ายก็ทำลายได้เพียงบางส่วนเท่านั้นและร่องรอยจากความเสียหายในครั้งนั้นก็ยังคงปรากฏให้เห็นเด่นชัดจนถึงทุกวันนี้

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าชมอุโมงค์แห่งนี้นั้น ทางรัฐบาลเวียดนามเขาก็เปิดให้เข้าชมได้ 2 จุดด้วยกัน คือ "อุโมงค์ Ben Dinh" และ "อุโมงค์ Ben Duoc" ซึ่งทั้ง 2 แห่งนี้อยู่ห่างกันไม่มากนัก




จุดแรกที่นักท่องเที่ยวจะได้ชมคือ  "หลุมซ่อนตัว" หลุมจริงๆเล็กมาก คนเวียดนามจะหุ่นดี คงไม่แปลก ทำไมสร้างหลุมขนาดนี้ 










นอกจากหลุมซ่อนตัวแล้วก็ยังมีจุดแสดงกับดักต่างๆ ที่ชาวบ้านและทหารเวียดนามในสมัยนั้นช่วยกันทำขึ้นมา โดยวัตถุดิบทั้งหมดก็มาจากพวกลูกระเบิดแล้วก็อาวุธสงครามของทหารอเมริกัน












รถถังอเมริกันที่ถูกยึดไว้เป็นเครื่องประดับ






ทางเดิน เป็นดินแข็งปั้ง เลยค่ะ



ต่อมาเป็นการให้ความรู้ประวัติศาสตร์ เรื่อง อุโมงค์กูจี๋ มีให้เลือกหลายภาษามาก



ระบบวงจรที่เขาอาศัยอยู่ใต้ดิน ระหว่างมีสงคราม


ทั้งห้องครัว ห้องนอน ห้องซักผ้า ล้างจาน ช่างเย็บ ช่างซ่อม อะไรอยู่ที่นี่หมด
             เดินไปเรื่อย เริ่มเหนื่อยเขาก็มี อาหารว่างให้ เป็น มันเผา กินกับน้ำตาลผสมมะพร้าวคั่ว และจิบน้ำชาอุ่นๆ





กู่จี เวียดนามมันเป็นปืนสมัยเก่าที่มีไว้ให้ยิงกันจริงๆ กับราคากระสุนที่ถูกมากๆ ลองยิงดูแล้วทำให้คิดไปว่า มนุษย์เรานี่สร้างอาวุธมาสังหารกันเอง ไม่ได้สร้างมาป้องกัน คนเจ็บและตายล้วนแต่เป็นผู้ปฏิบัติแถวล่าง มันเป็นเช่นนี้ทุกยุคสมัย



ยิงปืนเสร็จแล้ว ก็ไปซื้อของที่ระลึกกัน



หลังจากนี้เราล่องล่องแม่น้ำโขง ชิมกินผลไม้พื้นเมือง ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์

รอขึ้นเรือจ๊าา









ถึงแล้วไปกินข้าวกันก่อนค่ะ

อาหารทุกอย่างใหญ่ม๊ากกกก ได้ถ่ายแค่เมนูแรก ส่วนเมนูอื่นความหิวเข้าครอบหงำ จึงไม่ได้ถ่าย แต่รับประกันว่า อร่อยสุดๆๆ ฮ่าๆๆ






กินเสร็จ อิ่มหน่ำ สำราญ แล้ว

เราก็ไปนั่งรถม้า เป็นอะไรที่เข้ากั๊น เข้ากัน ไม่อ้วกให้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว โอ้!! ใครจัดทริปนี้  บางคนอาจจะจินตนาการ ถึง ลำปาง แล้ว นั่งรถม้า  แต่ไม่นะไม่ ตื่นเต้นและมันส์กว่านั้น เยอะ



เส้นทางเหมาะแก่การ ย่อย เป็นที่สู๊ดด

ตับ ไต ไส้ พุง สลับที่กันหมดแล้ว ดูท่านั่งควบม้า เขาซะก่อน สุดยอดป่ะล๊ะ ฮ่าๆๆ


ไปพายเรือกันต่อค่ะ บุกบั้นมาก แต่สนุกแท้เหลา



        เพลิดเพลินกันมานาน ไปเดินชมสวนผลไม้ แล้วแอบเด็ดกิน บ้างเป็นบางต้น พอดีลูกมันดก หล่นไปก็เสียดายเน่อะ  แหะๆ 



ชมการแสดง ฟังเพลง แนวคันทรี ชิมผลไม้พื้นเมือง และ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์





หลังจากนี้ไปซื้อของฝาก สินค้าโอท๊อป เช่น ขนมที่ทำจากมะพร้าว น้ำผึ้ง และสินค้าพื้นเมืองอื่น ๆ
ถ้าเป็นพวกผลไม้จะสดๆ และถูกกว่าไทย บางอย่าง ขนม ก็จะทำให้เห็นกัน สดๆ ตรงนั้นเลย






จบแล้วค่ะ สำหรับทริปวันนี้ ปิดท้ายด้วยบรรยาย เวียดนาม กังนัม สไตล์



ดูวิธีการป้องกันฝุ่นให้ลูก




ที่ เวียดนาม ผ้าพันคอ ถักหรือ หมวกถักเยอะมาก สวยด้วย อีกอย่างเป็นเหมือนแฟชั่น ก็ว่าได้ หมวกกันน็อค หลากหลายดีไซต์ สีสัน ลวดลาย น่าจับจองเป็นเจ้าของ 




ติดตามต่อ ตอน 2 ค่ะ
ข้อมูลโดย : LifeCandid

2 comments:

  1. มีรูปพี่ด้วย อิอิอิ

    ReplyDelete
  2. แน่นอนอยู่แล้ว เขียนบล็อค ต้องมรูปคนหล่อ อิอิ :)

    ReplyDelete